วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559

จิม โจนส์ ศาสดาลัทธิสุดคลั่งกับฆ่าตัวตายพร้อมกันที่มากที่สุดในโลก 914 ศพ

จิม โจนส์ ผู้ตั้งลัทธิสังคม (Peoples temple)


เหตุการณ์ฆ่าตัวตายหมู่เมื่อปี 1978 ตามบัญชาของศาสดาจิม โจนส์

โดยลัทธินี้มีชื่อว่า "Peoples temple" โดยคำว่า พีเพิลส์ เทมเปิ้ล นั้นแปลได้ว่า วิหารแห่งปวงชน ซึ่งลัทธินี้ถือว่ามนุษย์จะอยู่กันอย่างสงบสุขสันติได้ต้องมีระบอบการปกครองแบบเท่าเทียมกัน โดยที่ความเชื่อในหัวของจิมว่าสังคมอุดมสุขสุดๆนั้นคือสังคมแบบ "ยูโทเปีย (Eutopia)"


จิม โจนส์  รวบรวมเงินบริจาคจากสาวกไปซื้อที่เพื่อสร้างนิคมเป็นของตัวเอง ในทวีปแอฟริกา  ในเมือง  (Guyana)  

เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของรัฐบาลอเมริกัน เจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครองกลับรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล จึงส่งตัวแทนจากสภาคองเกรสไป "เยี่ยม" โจนส์ทาวน์

โดยในการนี้ผู้ที่ถูกเลือกไปนั้นก็คือสมาชิกสภาคองเกรสนามว่า  ลีโอ  ไรอัน  ท่านได้รับการต้อนรับแสนอบอุ่นจากคณะของจิม ซึ่งได้พาไปดูการกินอยู่ของสาวกว่ากินดีอยู่ดีเพียงใด  เมื่อท่านได้ เห็นผู้คนดูสุขสมบูรณ์กันดีก็รู้สึกคลายใจหายห่วง

แต่สิ่งที่จิมพาชมนั้นคือการจัดฉากล้วนๆ แรงงานผู้คนในนารวมนั้นทำงานกันแสนจะเหนื่อยหนัก การกินอยู่ก็ถูกจำกัดจำเขี่ย จะได้กินมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับจิม ใครฝ่าฝืนก็จะโดนลงทัณฑ์อย่างแสนจะวิปริต เพราะด้านการเมืองการปกครองของโจนส์ทาวน์นั้น ใช้กฎหมายอยู่ประการเดียวคือ "กฎแห่งข้า" จิมคือรัฐและรัฐคือจิม

กฎนี้หยุมหยิมลงไปถึงกระทั่งให้ถือศีลพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัด ห้ามผู้คนแสดงความรักต่อกันแม้จะเป็นสามีภรรยากันก็ตาม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากจิม

ดังที่มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งถูกลงโทษในข้อหาแอบ รักกันฉันชู้สาว ทั้งที่คนทั้งสองแทบจะไม่เคยรู้จักมักจี่กันเลย เรื่องของเรื่องก็คือหนุ่มน้อยเป็นคนขายอาหารอยู่ในร้าน ส่วนสาวเจ้านั้นก็มาต่อคิวซื้ออาหาร และเมื่อถึงคิวให้ของจ่ายเงินกันเสร็จ เจ้าหนุ่มก็ส่งยิ้มให้แทนคำขอบคุณ ส่วนสาวเจ้าก็กล่าวลาเบาๆ

เท่านั้นแหละเป็นเรื่อง

มีคนเห็นเข้าแล้วคาบไปฟ้องท่านพ่อเมือง ซึ่งโจนส์ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ "เชือดไก่" ให้ ลิงสาวกทั้งหลายดู จึงจัดให้มีการประชุมเมืองกันที่ จัตุรัสกลาง หนุ่มสาวทั้งสองคนจึงถูกเรียกขึ้นเวทีเพื่อประจานความผิด  โจนส์สั่งให้ทั้งสองเปลื้องผ้าจนเปลือย เปล่าต่อหน้าสาวกหลายร้อย แล้วก็พูดจาถากถางอย่างวิปริตนานาประการจนพอใจ  จากนั้นหนุ่มสาวที่น่าสงสารก็ถูกปล่อยกลับไปให้เผชิญความอับอาย และต่อไปก็จะไม่มีใครกล้าพูดคุยกับสองคนนี้อีก

เรื่องเหล่านี้ก็หาได้ไปถึงหูท่านลีโอ  ไรอัน  ไม่  เมื่อท่านเตรียมการจะกลับ ปรากฏว่ามีสานุศิษย์ของจิมหลายรายแอบมาขอให้ช่วยพาออกจากโจนส์ทาวน์ ซึ่งท่านก็ได้จัดการพาคนที่อยากกลับประเทศไปด้วยถึง 15 ราย แต่จิมพยายามขัดขวางจนถึงที่สุด โดยในวันสุดท้ายที่ท่านจะกลับ สาวกเลือดร้อนนามว่านายดอน สไลน์ ได้ลุกขึ้นมากวัดแกว่งมีดหมายจะทำร้ายท่านลีโอในระยะประชิดจนต้องมีการกันตัวกันออกไป

ขบวนของท่านลีโอเดินทางถึงสนามบินไคตูมาอย่างทุลักทุเลเต็มที แต่เมื่อนั้นก็สายไปเสียแล้ว

จิมต่อโทรศัพท์สายตรงไปถึงสมุนให้เด็ดชีพผู้แทนสหรัฐฯจอมจุ้นท่านนี้เสีย ซึ่งขณะที่ท่านกำลังจะไปขึ้นเครื่องบิน เล็กที่เห็น อยู่ตรงหน้า มือสังหารก็ เหนี่ยวไกอย่างไม่ยั้ง ท่านวุฒิสมาชิกลีโอ ไรอัน ถึงแก่อนิจกรรมทันที ผู้ติดตามอันได้แก่นักข่าวจากเอ็นบีซี และสาวกผู้ทรยศลัทธิต่างเจ็บตายกันอีกมาก

แต่นักบินบนเครื่องนั้นได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและได้กระจายข่าวเหตุการณ์ผ่านทางวิทยุการบิน โลกจึงได้รับรู้โศกนาฏกรรมที่จิมก่อขึ้น

ฝ่ายจิมหลังจากรับทราบว่าภารกิจเลือดได้สัมฤทธิผลแล้ว  ก็รู้ได้ทันทีว่าอีกไม่นานทางการก็จะต้องส่งกองกำลังมาปราบทุกอย่างให้สิ้นซาก เขาจึงตัดสินใจที่จะ "หนี"  จากโลกนี้!

เขาได้เตรียมการอย่างใหญ่โตที่สุด ซึ่งการนี้ได้เคยถูก  "ซ้อมใหญ่"  เอาไว้แล้วหลายต่อหลายครั้ง  นั่นคือการจัดให้สาวกทุกคนในนครโจนส์ทาวน์นี้ฆ่าตัวตายพร้อมกันทั้งหมด!

ในคืนมรณะนั้นโจนส์ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้สาวกทุกคน "เตรียม ตัว" ไว้สำหรับหายนะที่จะเกิดขึ้น เพราะมีผู้ที่ได้รับคำสั่งให้มาสังหารโหดชาววิหาร ประชาชนนี้เสีย โดยการ  "กระโดดร่มลง มากลางวงแล้วกราดยิงพวกเราทุกคน" นอกจากนั้นยัง "ฆ่าไม่เลือกหน้า ไม่ว่าผู้บริสุทธิ์หรือใครก็ตาม" "พวกนี้จะฆ่า ทารกและเด็กของพวกเราด้วย แล้วก็จับพวกผู้ใหญ่มาทรมานอย่างทารุณก่อนสังหารให้ตาย"

ข้อความสำคัญเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในเทปเสียงที่ค้นพบหลังจากเหตุการณ์ วิปโยค โดยทูตมรณะที่โจนส์กับคณาสาวกใช้  "ฆ่าตัวตายยกหมู่"  คือน้ำองุ่นเจือ "ไซยาไนด์ (Cyanide)" ซึ่งเป็นสารพิษชั้นแรงที่ให้ผลเร็วเฉียบพลัน

แต่อาการจากการดื่มน้ำยาพิษเข้า ไปนั้นช่างทรมานเหลือแสน จนบางคนต้องร้องขอให้เพื่อนช่วยยิงให้พ้นทุกข์ไป

ความทุกข์ทรมานน่าสังเวชเกิดขึ้นทั่วไปในโจนส์ทาวน์ ข้างฝ่ายสาธุคุณโจนส์ ก็ยังยืนประกาศปาวๆ ถึงความตายที่แสนบริสุทธิ์และไม่ทรมาน โดยชักชวนให้พ่อแม่กรอกยาพิษลูก สามีสังหารภรรยา หรือถ้าใครยังรีรอก็มีหน่วย "สงเคราะห์" จับยาพิษกรอกปากให้พ้นทุกข์ ทรมานไป โดยในเทปลับได้ยินสุ้มเสียงโจนส์ประกาศผ่านโทรโข่งดังนี้

"ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัวเลย   มันเพียงแต่เปลี่ยนเราไปสู่สถานะที่สูงส่งขึ้นเท่านั้น"

"เราไม่ได้ฆ่าตัวตาย  แต่สิ่งที่เราทำคือการ ประท้วงความไร้มนุษยธรรมแห่งโลกนี้"



ส่วนสำหรับภาพสุดท้ายของ "โจนส์นคร"  นั้นคือ  ซากศพทั้งชายหญิงกองก่าย มีทั้งหนุ่มสาวและคนแก่  กลุ่มที่น่าสะเทือนใจจะเป็นกลุ่มพ่อแม่ลูกที่กุมมือกันตาย  บ้างก็เป็นสามี ภรรยาสิ้นใจในท่าตระกองกอดกันไว้

ส่วนร่างโจนส์นั้นมีรูกระสุนปืนที่ศีรษะนอนพังพาบอยู่ใกล้ๆ "อาสนะ" ที่เคยใช้เทศน์เป็นประจำ คนที่ตายไปทั้งหมดนี้รวมทั้งจิมด้วยแล้วมีถึง 914 ศพ การตายหมู่ครั้งนี้ถูกจดบันทึกไว้เป็นสถิติวิปโยคของโลกที่มีสาวกศาสนาตายหมู่รวมกันมากที่สุด

ขอคุณเครดิต  http://www.thairath.co.th/content/117483

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น