ด่วน! พี่ชาย “คิม จองอึน” ถูกสายลับสาวใช้เข็มพิษสังหารคาสนามบินที่มาเลย์
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานด่วนว่า นายคิม จองนัม พี่ชายต่างมารดาของนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ถูกพบเสียชีวิตที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 12 ก.พ. สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า หากรายงานข่าวนี้เป็นจริง จะถือเป็นบุคคลระดับสูงสุดของประเทศที่เสียชีวิตต่อจากนายคิม ของอิล ผู้นำคนก่อนและบิดาของผู้นำคนปัจจุบัน
ทีวีโชซุน เคเบิลทีวีของเกาหลีใต้ รายงานว่า นายคิม จองนัม ถูกเข็มพิษเสียชีวิตที่ท่าอากาศยานกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยสายลับหญิง 2 ราย จากนั้นหญิงสาวทั้งสองขึ้นรถแท็กซี่หนีไปทันที
เอเอฟพีรายงานว่า หัวหน้าตำรวจประจำสนามบินกัวลากลัมเปอร์ เผยกับทางเอเอฟพีว่า มีชายชาวเกาหลีอยู่ในช่วงวัย 40 ป่วยที่สนามบิน จึงรีบนำส่งโรงพยาบาล แต่ชายคนนี้เสียชีวิตระหว่างทาง ทางตำรวจไม่อาจยืนยันชื่อได้
สำหรับนายคิม จองนัม เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2514 เป็นบุตรชายคนโตของนายคิม จองอิล อดีตผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ส่วนแม่คือ ซุง แฮริม ดาราสาวที่เกิดในเกาหลีใต้ที่คิม จองอิลแอบมีสัมพันธ์ด้วยจนมีลูกด้วยกัน ก่อนที่ดาราหญิงไปเสียชีวิตที่กรุงมอสโกของรัสเซีย
ยองนัมเคยถูกวางตัวเป็นทายาททางการเมืองของผู้นำเกาหลีเหนือ เพราะเป็นคนที่พ่อรักมาก แต่เมื่อตกเป็นข่าวอื้ออึงไปทั่วโลก ว่าถูกจับได้ขณะลักลอบเข้าประเทศญี่ปุ่น ไปเที่ยวโตเกียวดิสนีย์แลนด์โดยใช้หนังสือเดินทางปลอม จึงทำให้หลุดจากตำแหน่งทายาทอันดับ 1 ดังกล่าว เพราะถือว่าทำให้เกาหลีเหนือต้องอับอายขายหน้า
หลังจากนั้นมา นายยองนัมย้ายไปอยู่ที่มาเก๊าเป็นหลัก จนกระทั่งน้องคนเล็ก นายจองอึนขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศในปี 2554
นายยองนับเคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นว่า ไม่เห็นด้วยกับระบบสืบทอดอำนาจทางตระกูล ต่อมาในปี 2555 อัยการเกาหลีใต้เคยเปิดเผยว่า นายยองนัมตกเป็นเป้าหมายของการลอบสังหารโดยสายลับของเกาหลีเหนือ โดยแกล้งทำทีให้ดูว่าเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ หวังฆ่านายยองนัม เมื่อปี 2553
เมื่อปี 2557 มีรายงานว่า นายยองนัมไปอยู่ที่อินโดนีเซีย และทำธุรกิจร้านอาหารอิตาเลียนกับนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ที่กรุงจาการ์ตา
ด้านหนังสือพิมพ์ในมอสโกของรัสเซียเคยรายงานว่า นายจองนัมมีปัญหาด้านการเงิน หลังจากถูกตัดความช่วยเหลือทางเกาหลีเหนือ เคยถูกไล่ออกจากโรงแรมหรูในมาเก๊า เพราะไปติดเงินค่าห้องสูงถึง 15,000 ดอลลาร์ หรือราว 5.25 แสนบาท
เครดิต ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_217534
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น