Didier Drogba นักฟุตบอลทีมชาติ โกตติวัวร์ และตำนานของทีมเชลซี หลายคนรู้จัก ดร๊อกบา จากฟุตบอล และ มองดร๊อกบาว่าเกเร โดนตั้งฉายาต่างๆนาๆในทางลบ แต่ที่เประของเขา ดร๊อกบา มีสถานะ ประดุจดัง ฮีโร่ เขาบริจากเงินสร้างโรงพยาบาล และตั้งมูลนิธิ ดร๊อกบาช่วยเหลือคนมากมาย และเขา ยังทำสิ่งที่เหลือเชื่อคือ เป็นแรงบรรดารใจให้คนในชาติ หยุดการขัดแย้ง และยุติสงครามกลางเมือง อันโหดร้าย ยาวนานถึง5 ปี
ดร๊อกบา ได้อัดเทป ส่งข้อความแห่งสันติภาพ สื่อไปหาทุกคนในประเทศ
“พี่น้องชาวไอวอรีโคสต์ ไม่ว่าจะจากทางเหนือ ใต้ กลาง หรือตะวันตก เราได้แสดงให้เห็นในวันนี้แล้วว่า การเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อเป้าหมายคือ ผ่านเข้าฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เราให้สัญญาว่าการเฉลิมฉลองครั้งนี้จะทำให้ผู้คนเป็นหนึ่งเดียว และวันนี้เราจึงอยากจะคุกเข่าขอร้องด้วยคำสามคำ
ให้อภัย ให้อภัย และให้อภัย
ประเทศที่ยิ่งใหญ่แห่งแอฟริกาไม่ควรจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ กรุณาวางอาวุธ ให้มีการเลือกตั้ง แล้วเราจะดีขึ้น “
ในฐานะนักฟุตบอลมันก็คงไม่ควรจะมาพูดอะไรเกี่ยวกับการมุ้งการเมืองเช่นนี้ แต่ในฐานะชาวไอวอเรียนแล้ว มันคือสิ่งที่ใครหลายคนได้แต่เฝ้าฝันถึงมัน
สันติภาพ
คลิป
VIDEO
มันเป็นเพียงก้าวแรกของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าที่กำลังจะตามมา
ดร็อกบากล่าวว่า
“ผมจากไอวอรีโคสต์ไปด้วยภาพที่อันเลือนราง แต่มันเป็นภาพที่สวยงาม ท้องถนนเต็มไปด้วยความรัก มีแต่สีเขียวของต้นไม้ไปทุกหนทุกแห่ง แต่พอผมกลับมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน ผมก็ได้เห็นความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปรไป ผมก็เริ่มตั้งคำถามแล้วว่า นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย”
“สิ่งที่ผมทำ มันเป็นไปตามสัญชาตญาณ นักเตะทุกคนในทีมชาติต่างเกลียดสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา สิ่งที่เราต้องการมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือ การที่ไอวอรีโคสต์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ใช่ถูกแบ่งเป็นสองส่วนแบบนี้ แต่เรารู้ว่าตอนที่ทีมชาติลงแข่ง ไอวอรีโคสต์ จะกลายเป็นหนึ่งเดียว ผู้คนที่ปกติจะไม่คุยกันเลยเพราะความเห็นต่างทางการเมืองจะมาร่วมฉลองด้วยกัน เรากำลังพยายามจะใช้สิ่งนี้เพื่อส่งข้อความไปยังนักการเมืองของเราที่จะมานั่งพูดคุยและพยายามหาหนทางแก้ไขปัญหากัน”
“ผมกำลังรู้สึกว่าไอวอรีโคสต์ กำลังจะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง”
ไม่น่าเชื่อว่าทุกคนในประเทศหันมาฟังกับสิ่งที่นักเตะผู้เป็นไอคอนของประเทศกำลังพยายามจะส่งสาสน์ถึง ทุกคนรับรู้แล้วว่า มันถึงเวลาที่ความเลวร้ายจากความขัดแย้งทางการเมืองจะถึงคราวยุติเสียที
ดร็อกบายังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เหมือนเวลาที่เขาไล่ล่าตาข่ายในสนาม เขาพยายามเปิดเกมส์รุกต่อ คราวนี้ไม่ใช่เพื่อทำประตูของฝั่งตรงข้าม แต่เป็นการทำประตูแห่งสันติภาพ
เขาขอร้องประธานาธิบดีบักบูถึงการหยุดยิงและเจรจาสันติภาพ และเพื่อเป็นการตอกย้ำในเรื่องนั้น ดร็อกบาเสนอให้ทีมชาติไอวอรีโคสต์ไปลงเตะที่บูอาเก้ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญของฝ่ายกบฏ มันฟังดูเหมือนข้อเสนอของคนเสียสติ แต่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายกบฏต่างเห็นชอบกับแผนการนี้และถือโอกาสนี้เป็นการแสดงออกถึงสันติภาพหลังจากมีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในเดือนมีนาคมปี 2007
3 มิถุนายน 2007
การแข่งขันชิงแชมป์แห่งทวีปแอฟริกา 2008 รอบคัดเลือก ไอวอรีโคสต์เปิดบ้านรับการมาเยือนของมาดากัสการ์ การแข่งขันนัดนี้มีขึ้นเป็นครั้งแรกที่สนามสต๊าด บูอาเก้ ในเมืองบูอาเก้
ประธานาธิบดี โลร็องต์ บักบู และ หัวหน้าฝ่ายกบฏ กิลโญม โซโร เข้ามานั่งดูการแข่งขันในสนามด้วยกัน มันเป็นภาพที่หาดูได้ยาก เมื่อหัวหน้าของกลุ่มคนที่ไล่ฆ่ากันจะเป็นจะตายในช่วงห้าปีที่ผ่านมา มานั่งดูฟุตบอลด้วยกันอย่างสงบ ท่ามกลางกองกำลังของทั้งสองฝ่าย อาวุธของพวกเขาในวันนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อสังหารคนที่เห็นต่างกันอีกต่อไป แต่มีไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยเท่านั้น การดูแลความเรียบร้อยในสนามและบริเวณโดยรอบตกลงกันว่าจะเป็นของฝ่ายกบฏที่รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ โดยมีทหารฝ่ายรัฐบาลและบุคคลสำคัญของประเทศเข้ามาชมการแข่งขันท่ามกลางแฟนบอลแน่นขนัดกว่า 25,000 ชีวิตจากทั่วประเทศ
คู่ขัดแย้งโดยตรง บักบู (ขวา) โซโร (ซ้าย) สองแกนนำของทั้งสองฝ่าย จับมือกันอย่างกับคู่รักเป็นการพิสูจน์ถึงสันติภาพ
แล้วก็มาถึงช่วงเวลาแห่งความน่าประทับใจ เมื่อเสียงเพลงบรรเลงทีมชาติไอวอรีโคสต์ดังขึ้นในสนาม ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน รัฐบาลหรือกบฏ มันไม่สำคัญอีกต่อไป ที่นี่มีเพียงชาวไอวอรีโคสต์เพียงหนึ่งเดียวที่จะร่วมกันร้องเพลงชาติเท่านั้น
ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทหารและแฟนบอลในเมืองบูอาเก้ และเขาเป็นคนยิงประตูปิดท้ายในนาทีสุดท้ายในชัยชนะอย่างสวยงาม 5-0 เหนือมาดากัสการ์
เสียงนกหวีดจากผู้ตัดสินเป่าหมดเวลาการแข่งขัน ความโกลาหลก็บังเกิด แฟนบอลพากันปีนรั้วและกระโดดลงสู่สนาม เป้าหมายของพวกเขาอยู่ที่ฮีโร่ของชาตินามว่า ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา พวกทหารของฝ่ายกบฎพยายามกันแฟนบอลให้อยู่ห่างๆเพื่อความปลอดภัย แต่ก็ยอมให้แฟนบอลจับมือและควักโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปได้ แฟนๆยังคงความคลั่งไคล้ในตัวเขาถึงขั้นที่ตามขับรถไปส่งยังสนามบินกันเลยทีเดียว
ผลการแข่งขันหาได้สำคัญเหนือชัยชนะครั้งสำคัญที่มีต่อความเกลียดชังที่แบ่งแยกผู้คนออกเป็นสองฝั่ง เปลวเพลิงกลางสนามสต๊าด บูอาเก้ ในวันนี้หาใช่เปลวเพลิงแห่งการทำลายล้าง แต่มันคือเปลวเพลิงแห่งสันติภาพ ที่เหล่าทหารโยนอาวุธของพวกเขาทิ้งลงไปในกองเพลิง
กองกำลังของทั้งสองฝ่ายเดินสวนสนามร่วมกันและประธานาธิบดีบักบูประกาศให้ชาวไอวอรีโคสต์และชาวโลกรับรู้ว่า สงครามสิ้นสุดแล้ว
22 ธันวาคม 2007
กระบวนการปลดอาวุธของทหารทั้งสองฝ่ายเริ่มต้นขึ้นซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาราวสามเดือน ทหารของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายกบฏถอนตัวจากบริเวณใกล้แนวกันชนกลับเข้ากรมกองทหารในยามัสซูโครและบูอาเก้ ซึ่งงานนี้ทั้งประธานาธิบดีบักบู และ กิลโญม โซโร แกนนำฝ่ายกบฏเป็นคนควบคุมปฏิบัติการด้วยตนเอง ซึ่งบักบูก็ได้บอกว่า ตอนนี้กองกำลังทหารในแนวหน้าที่เคยตกอยู่ในความขัดแย้งไม่มีอีกแล้ว ส่วนโซโรก็เสริมว่ามันเป็น “จุดเริ่มต้นของการปลดอาวุธอย่างมีประสิทธิภาพ”
ห้าปีแห่งความเลวร้ายที่ทำให้ผู้คนชาติเดียวกันลุกมาเข่นฆ่ากันเองสิ้นสุดลงแล้ว สันติภาพที่ชาวไอวอรีโคสต์รอคอยมานานแสนนานกลับคืนสู่ประเทศอีกครั้ง และสำหรับผู้ที่มีส่วนผลักดันให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้รับความนับถือจากคนทั่วประเทศในฐานะ วีรบุรุษ
กิลโญม โซโร อดีตแกนนำของฝ่ายกบฏในสงครามกลางเมืองครั้งแรกของไอวอรีโคสต์กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เขา (ดร็อกบา) เป็นวีรบุรุษของชาติ จากเหนือจรดใต้ จากตะวันออกถึงตะวันตก ชาวไอวอเรียนมีความภาคภูมิใจในตัวเขา หรือผมจะบอกได้อีกอย่างว่า เขาเป็นความภาคภูมิใจแห่งชาวอัฟริกันทั้งหมดทั้งมวล เกมนี้เกิดขึ้นเพราะดร็อกบานำมันมายังบูอาเก้ เพื่อจะสถาปนาความปรองดองและเสริมสร้างสันติภาพ”
ส่วนโทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ก็ออกมาชื่นชมการกระทำเพื่อหยุดยั้งสงครามของดร็อกบา แบลร์บอกว่า “ กีฬาเข้าไปถึงในส่วนที่การเมืองไม่สามารถเข้าถึงได้ มันสามารถช่วยขจัดความขัดแย้งในทางที่สิ่งอื่นไม่สามารถทำได้” และเสริมว่า ดร็อกบา ควรได้รับรางวัลด้านมนุษยธรรมสำหรับผลงานของเขาในครั้งนี้
ฮีโร่ หน้าโจรคนนี้ ยังแสดงถึงความมีน้ำใจแต่เพื่อนร่วมชาติ โดยการแบ่งเงินจากรายได้ตัวเองไปสร้างโรงพยาบาลและมูลนิธิช่วยเหลือคนมากมาย อีกด้วย
ฮีโร่หน้าโจรคนนี้ เริ่มดูหล่อขึ้นมาบ้างหรือยังคับผม
ขอบคุณเครดิต กระทู้pantip
คุณชายซากุระ https://pantip.com/topic/35053632