วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ซีเรียระอุหนัก รัสเซียถล่มทางอากาศต่อเนื่องอิหร่านส่งนักรบชีอะห์เข้าร่วมกับฮิสบุลเลาะฮ์ของเลบานอนเคลื่อนทัพช่วยรัฐบาลซีเรีย



 

ผู้บัญชาการกลุ่มกบฏซีเรียเปิดเผยว่า เครื่องบินรบของรัสเซียที่เข้าร่วมสู้รบในสัปดาห์นี้ ได้ทิ้งระเบิดในค่ายแห่งหนึ่งของฝ่ายกบฏที่ได้รับการฝึกฝนจากซีไอเอ วางสถานะมอสโกและวอชิงตันอยู่กันคนละฟากฝ่ายในความขัดแย้งตะวันออกกลางเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามเย็น
       
       เครื่องบินรบของรัสเซียโจมตีเป้าหมายต่างๆใกล้เมืองฮานาและเมืองฮอมส์ ทางตะวนตกของซีเรีย ในวันพฤหัสบดี (1 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของปฏิบัติการถล่มทางอากาศ โดยมอสโกอ้างว่าพวกเขาโจมตีเป้าหมายที่ตั้งต่างๆ ของรัฐอิสลาม แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ที่ถูกเล่นงานนั้นเป็นจุดที่ยึดครองโดยพันธมิตรกบฏฝ่ายตรงข้าม ที่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรของสหัฐฯ ในนั้นรวมถึงเหล่าชาติอาหรับและตุรกี
       
       ฮัสซัน ฮาจ อาลี แกนนำกลุ่มกบฏ Liwa Suqour al-Jabal บอกว่า หนึ่งในเป้าหมายที่ถูกโจมตีคือฐานที่มั่นของกลุ่มพวกเขาในจังหวิดอิดลิบ ซึ่งถูกถล่มด้วยขีปนาวุธราวๆ 20 ลูก ขณะที่นักรบของพวกเขาได้รับการฝึกฝนจากซีไอเอในกาตาร์ และซาอุดีอาระเบีย ส่วนหนึ่งในโครงการที่วอชิงตันบอกว่ามีเป้าหมายสนับสนุนกลุ่มนักรบต่างๆ ที่ต่อต้านไอเอสและนายอัสซาด 

ด้านแหล่งข่าวเลบานอน 2 คนบอกกับรอยเตอร์ว่า ทหารอิหร่านติดอาวุธหลายร้อยนายเดินทางเข้ามายังซีเรียแล้วในช่วง 10 วันที่ผ่านมา เพื่อปฏิบัติการจู่โจมครั้งใหญ่ ภายใต้การสนับสนุนจากพันมิตรฮิซบอลเลาะห์เลบานอนของอัสซาดและนักรบชีอะห์จากอิหร่าน โดยรัสเซียจะคอยให้การสนับสนุนทางอากาศ
       
       การตัดสินใจเข้าร่วมสงครามด้วยปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวทางทหารที่เพิ่มขึ้นของอิหร่าน อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความขัดแย้งนี้ที่ดึงชาติมหาอำนาจทางทหารของโลกส่วนใหญ่เข้าร่วมวง
       
       ด้วยสหรัฐฯ นำพันธมิตรโจมตีทางอากาศต่อไอเอสอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัสเซียจึงทำให้ตอนนี้คุ่อริสงครามเย็นอย่างวอชิงตันและมอสโก กำลังสู้รบในประเทศเดียวกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

       
       ทั้งสองบอกว่ามีศัตรูเดียวกัน นั่นคือพวกไอเอส กลุ่มนักรบมุสลิมสุหนี่ซึ่งประกาศสถาปนา “รัฐกาหลิบ” ทั่วพื้นที่ทางตะวันออกของซีเรีย และทางเหนือของอิรักที่พวกเขายึดครอง อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และรัสเซียมีเพื่อนอยู่คนละฝ่าย และมีมุมมองต่างกันโดยสิ้นเชิงต่อแนวทางการยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่า 4 ปีในซีเรีย ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 250,000 ศพและทำให้ประชาชนมากกว่า 10 ล้านคนต้องอพยพหลบหนีถิ่นฐาน
       
       วอชิงตันและพันธมิตรต่อต้านทั้งรัฐอิสลามและนายอัสซาด โดยเชื่อว่าเขาต้องลงจากอำนาจถึงจะปราบไอเอสสำเร็จ แต่มอสโกสนับสนุนประธานาธิบดีรายนี้และเชื่อว่ารัฐบาลของเขาควรเป็นศูนย์กลางของนานาชาติในการสู้รบกับกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ 

  ดูเหมือนว่ารัสเซียกำลังใช้การทำสงครามร่วมต่อต้านไอเอสเป็นข้ออ้างในการโจมตีกลุ่มต่างๆที่ได้รับการสนับสนุนจากวอชิงตันและพันธมิตร เพื่อปกป้องรัฐบาลของนายอัสซาด ที่เป็นพันธมิตรของมอสโกมาตั้งแต่สมัยสงครามเย็น
       
       การโจมตีของรัสเซียยังเป็นตัวแทนความเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ต้องการขยายอิทธิพลไปไกลกว่าละแวกใกล้เคียง ขณะที่มันถือการเข้าสู้รบทางทหารในยุทธบริเวณที่อยู่ห่างไกลเป็นครั้งแรกของรัสเซีย นับตั้งแต่ครั้งสหภาพโซเวียตเข้ารุกรานยึดครองอัฟกานิสถานเมื่อปี 1979
       
       ในการโจมตีวันที่ 2 รัสเซียบอกว่าได้ลงมือโจมตีด้วยเครื่องบินรบซูคอยถล่มเป้าหมายรัฐอิสลาม 4 จุด อย่างไรก็ตามรอยเตอร์ระบุว่าไม่มีพื้นที่ถูกโจมตีใดอยู่ภายใต้การยึดครองของไอเอสเลย
       
       อัล-มายาดีน สถานีโทรทัศน์ฝักใฝ่ดามัสกัสในเลบานอน รายงานว่าเครื่องบินรบรัสเซียลงมือโจมตีอย่างน้อย 30 เที่ยวต่อพันธมิตรกบฏนามว่า Army of Conquest ที่มีกลุ่มนุสรา ฟรอนต์ เครือข่ายอัลกออิดะห์สาขาซีเรียรวมอยู่ด้วย แต่ไม่ใช่พวกรัฐอิสลาม อย่างไรก็ตามต่อมา อัล-มายาดีน ระบุเพิ่มเติมว่าเครื่องบินรบรัสเซียได้ถล่มที่มั่นต่างๆ ของพวกไอเอสในจังหวัดรักกา ทางภาคตะวันออกด้วย
       
       การเข้าแทรกแซงเพื่อสนับสนุนนายอัสซาดของรัสเซียและอิหร่าน เกิดขึ้นในช่วงที่ดูเหมือนว่าฝ่ายรัฐบาลกำลังเสียท่า ดังนั้นความเคลื่อนไหวคราวนี้จึงดูเหมือนว่ามีเป้าหมายพลิกกลับสถานการณ์ที่พวกกบฏกำลังรุกคืบ “การโจมตีของรัสเซียคือผู้เปลี่ยนเกม ดามัสกัสได้รับการปลดปล่อย” ทูตซีเรียรายหนึ่งกล่าว
       
       กระทรวงกลาโหมรัสเซียบอกว่าเครื่องบินรบซูคอย-24M และซูคอย-25 ถล่มเป้าหมายคลังกระสุนใกล้เมืองอิดลิบ ศูนย์บัญชาการตึก 3 ชั้นของไอเอสใกล้เมืองฮามา และโรงผลิตคาร์บอมบ์ในเมืองฮอมส์ อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ระบุว่าไม่มีพวกไอเอสอยู่ทั้งในเมืองฮามา และฮอมส์

เครดิต http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000110739

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น