ปืนเล็กยาว ที่เรารู้จักกันดี HK 33 หรือ ปลย. 11(ผลิตโดยกรมสรรพาวุธ ทบ.)
HK 33 ออกแบบและผลิตโดยทีมงานของ West German armament manufacturer Heckler & Koch GmbH (H&K)(ในขณะนั้นเยอรมันยังแยกประเทศออกเป็นสองส่วน) เป็นปืนเล็กยาวจู่โจม(Assault rifle)ที่พัฒนาขึ้นในยุค 1960 โดยพัฒนามาจาก G3 ปืนเล็กยาวประจัญบาน( Battle rifle) โดย G3 ใช้กระสุนขนาด 7.62x51 mm NATO ส่วน HK 33 ใช้กระสุนขนาด 5.56x45mm NATO
โดยการพัฒนาHK33 ,มาจากความต้องการสร้างปืนเล็กยาวขนาดเล็ก หลักการทำงานของ HK 33 ใช้ระบบลูกกลิ้งขัดกลอน Roller-delayed blowback ยิงขณะลูกเลื่อนปิด โดยใช้ลูกกลิ้งทรงกระบอกสองชิ้นขัดหลอนท้ายรังเพลิง และมีตัวลิ่มบังคับ เมื่อแรงดันในรังเพลิงลดลงจนถึงจุดหนึ่งระบบลูกเลื่อนจะทำการปลดกลอนตัวเอง เพื่อบรรจุกระสุนและขึ้นนก ยิงนัดต่อไป ระบบลูกกลิ้งขัดกลอนนี้เป็น มรดกมาจากปืนกลตัวร้ายของเยอรมันสมัยสงครามโลกครั้งที่2 คือ Maschinengewehr MG 42 โหมดการยิง ของHK 33คือห้ามไก ยิงที่ละนัด และยิงเป็นชุด
ปลอกกระสุนที่ยิงจากHK33 จะมีเอกลักษณ์ อย่างหนึ่งแทบรอยไหม้จากแก๊สร้อน เป็นแทบยาว จากปลายปลอกกระสุนลงมาหากึ่งกลาง มาจากการที่ ทีมออกแบบ ใช้แก๊สจากการเผาไหม้ ในรังเพลิง ย้อนมาเลี้ยงปลอกกระสุนด้านนอกด้วยร่องที่โอบรอบปลอกกระสุน เพื่อลดปัญหาปลอกกระสุนบวมจนติด เรียกว่า Fluted Chamber (จะพบวิธีนี้ได้ในปืนพกอย่าง P7 M8 )
โครงปืนชิ้นบนใช้โลหะแผ่นปั้มขึ้นรูป โครงปืนชิ้นล่าง ในรุ่นแรกสุด โครงปืนชิ้นล่างจะเป็นเหล็กและด้ามจับจะเป็นโพลิเมอร์ synthetic ในรุ่นต่อมา (HK33A2 )โครงปืนชิ้นล่างกับด้ามจับ เป็นชิ้นเดียวกัน พานท้ายปืน ประกับปืน ใช้วัสดุ synthetic สร้างขึ้นมา ซองกระสุนของมัน มี3 ขนาดด้วยกันคือ 25นัด 30นัด และ 40นัด โดยซองกระสุนใช้ แผ่นเหล็กและอลูมีเนียมปั้มขึ้นรูป โครงภายนอก
ระบบ ศูนย์เล็ง ศูนย์หน้าเป็นแบบแผ่นเล็กสามารถเปลี่ยนได้ และศูนย์หลังเป็นแบบทรงกระบอกหมุนได้รอบตัว มีระยะ 100 m เป็นศูนย์บากร่อง V (บางคนจะบอกว่าเล็งยากแต่ถ้าจับทางได้ก็ไม่ยาก ส่ะทีเดียว) ศูนย์รู 200, 300และ 400 mสำหรับศูนย์เล็งแบบกล้องคือ the Hensoldt 4×24 scope
คันปรับโหมดการยิงจะเป็น : "S" หรือ "0"ห้ามไก, "E"หรือ"1"ยิงทีละนัด, "F"หรือ"25"ยิงต่อเนื่อง ยิงเป็นชุดใน Gen ถัดมาจะเป็นแบบ มีโหมดเบิร์น3นัด 4 selection mode grip จะมีการปรับปรุงโครงปืนด้านล่างใหม่ และโหมดการยิงคือ ห้ามไก-ยิงทีละนัด-ยิงชุดสามนัด-ยิงเป็นชุด ใช้สัญลักษณ์ แทนตัวอักษร ในบางรุ่นจะมีโหมดยิงเบิร์น2นัด ด้วย
มีดปลายปืนติดตั้งด้านบนเหนือปลายลำกล้องโดยใส่เข้าไปตรงๆในให้ห่วงคล้องกับปลอกลดแสงและก้านล๊อกมีดเสียบเข้าที่
การขึ้นลูกเลื่อนจะดึงทางด้านซ้าย และปล่อยกลับในทันทีหรือค้างไว้ในร่องค้าง แล้วตบให้ลูกเลื่อนเดินหน้าเข้าที่
การพัฒนาของHK33 มีต่อไปนี้หลัก รุ่นแรก
HK33 รุ่นแรกนั้น ประกับมือมีลักษณะกลมเล็ก และโครงปืนชิ้นล่างแบบแยกชิ้นกับด้ามจับ(นำมาจาก G3) พานท้ายเต็มแบบ synthetic stock
HK33 A1 ใช้ประกับมือใหญ่ขึ้นทรงสี่เหลี่ยมคางหมู แบบปัจจุบัน
HK33 A2 โครงปืนชิ้นล่างเป็นชิ้นเดียวกัน
HK33 รุ่นแรกนั้น ประกับมือมีลักษณะกลมเล็ก และโครงปืนชิ้นล่างแบบแยกชิ้นกับด้ามจับ(นำมาจาก G3) พานท้ายเต็มแบบ synthetic stock
HK33 A1 ใช้ประกับมือใหญ่ขึ้นทรงสี่เหลี่ยมคางหมู แบบปัจจุบัน
HK33 A2 โครงปืนชิ้นล่างเป็นชิ้นเดียวกัน
ในกลุ่มHK 33 A2 มี ด้วยกันสามรุ่นคือ (ขออ้างอิงแค๊ตตาล๊อกของHK ช่วง1980น่ะครับ)
HK33 E (HK33A2 (Fixed stock)) เป็นตัวมาตรฐาน ลำกล้องยาว 390 mm พานท้ายเต็ม
HK33 EK(HK33A3 (Retractable stock)) พานท้ายสามารถ ยืดออกและ หดเข้าเก็บได้ ลำกล้อง ยาว
HK 33KE ((HK33KA3,HK33K (Carbine)).พานท้ายสามารถ ยืดออกและ หดเข้าเก็บได้ ลำกล้องสั้นลงมาจากรุ่นมาตรฐานคือ 332 mm
HK33 E (HK33A2 (Fixed stock)) เป็นตัวมาตรฐาน ลำกล้องยาว 390 mm พานท้ายเต็ม
HK33 EK(HK33A3 (Retractable stock)) พานท้ายสามารถ ยืดออกและ หดเข้าเก็บได้ ลำกล้อง ยาว
HK 33KE ((HK33KA3,HK33K (Carbine)).พานท้ายสามารถ ยืดออกและ หดเข้าเก็บได้ ลำกล้องสั้นลงมาจากรุ่นมาตรฐานคือ 332 mm
HK33SG/1 มาพร้อมขาทรายและกล้องเล็ง ที่แผ่นรองแก้มที่พานท้ายปืน เป็นเวอร์ชั่นพลแม่นปืน(DMC)
จากนั้นก็มีรุ่นที่แตกย่อยออกมาอีกคือ
จากนั้นก็มีรุ่นที่แตกย่อยออกมาอีกคือ
HK 53 มีการตัดลำกล้องให้สั้นลงเหลือ 211 mmเปลี่ยนประกับมือใหม่(คล้ายกับของMP5) เพื่อให้เป็นปืนเล็กกล มีด้วยกันสองGen. คือ แบบโหมดปกติ( standard grip) ห้ามไก-ยิงทีละนัด-ยิงเป็นชุด S-E-F และรุ่น) มีโหมดเบิร์น3นัด(4 selection mode grip จะมีการปรับปรุงโครงปืนด้านล่างใหม่ และโหมดการยิงคือ ห้ามไก-ยิงทีละนัด-ยิงชุดสามนัด-ยิงเป็นชุด ใช้สัญลักษณ์ แทนตัวอักษร
HK 13 เป็นรุ่นที่พัฒนาเพื่อเป็นปืนกลเบา สามารถเปลี่ยนลำกล้องได้แบบเร่งด่วน ( quick adaptor) ลำกล้องหนาขึ้น ประกับลำกล้องเป็นโลหะ มีขาทรายแบบสองขาติดตั้งมาให้ (bipod)
HK 21 คล้ายกับแบบHK13 แต่ป้อนกระสุนด้วยสายกระสุนและสามารถติดตั้งกล่องกระสุนขนาด 60 นัดได้ มีอุปกรณ์เสริมคือ ขาทรายแบบ สามขา( tripod )
HK23E เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อมาจาก HK 21 เพิ่มโหมดการยิงแบบสามนัดเข้าไป(4 selection mode grip)
G41-TGS (อวตาลของM16A1)เป็นรุ่นที่ใช้ซองกระสุนของ ปืนตระกูลAR( M16 –M4 ) มีคันส่งลูกเลื่อน และฝากันฝุ่น แบบM16,M4 โหมดการยิงแบบ 4 selection mode grip พร้อมหูหิ้ว โดยประกับมือยังมีความคล้ายคลึงกันอีกด้วย หรือกล่าวได้ว่าทำมาสำหรับคนที่ถนัดใช้ปืนตระกูลM16เลยก็ว่าได้ มีรุ่นที่ติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิดแบบ HK 79 ขนาด 40mm.พร้อมศูนย์เล็งของเครื่องยิงลูกระเบิด
และยังแยกไปเป็นรุ่นเพื่อการกีฬาและพานิช
HK 43 ยิงแบบกึ่งอัตโนมัติ เท่านั้น (semi-automatic only )และรุ่น HK93ที่สร้างขึ้นตามข้อกำหนด ของ Gun Control Act of 1968 คือ ข้อกำหนดเกี่ยวกับอาวุธปืนของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา มีรุ่นย่อย KA1,A2 และ A3
HK 43 ยิงแบบกึ่งอัตโนมัติ เท่านั้น (semi-automatic only )และรุ่น HK93ที่สร้างขึ้นตามข้อกำหนด ของ Gun Control Act of 1968 คือ ข้อกำหนดเกี่ยวกับอาวุธปืนของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา มีรุ่นย่อย KA1,A2 และ A3
C 93 ผลิตโดย Century International Arms, Inc. USA ผลิตในสหรัฐอเมริกา โดย ยึดแบบHK 93 นั้นเอง
ยังมีประเทศที่ได้รับลิขสิทธิ์ไปผลิต อีก
ตุรกี HK33E Turkey ปัจจุบัน MKEK. ตุรกีพัฒนาให้สามารถใช้ซองกระสุนของG36 ได้ มีการปรับปรุง ประกับมือ และพัฒนารุ่น 4 selection mode grip อีก และยังทำเพื่อจำหน่ายใช้ในกองทัพและขายแกผู้สนใจ(น่าจะส่ง นายทหารเราไปดูงานจริงๆ)
ตุรกี HK33E Turkey ปัจจุบัน MKEK. ตุรกีพัฒนาให้สามารถใช้ซองกระสุนของG36 ได้ มีการปรับปรุง ประกับมือ และพัฒนารุ่น 4 selection mode grip อีก และยังทำเพื่อจำหน่ายใช้ในกองทัพและขายแกผู้สนใจ(น่าจะส่ง นายทหารเราไปดูงานจริงๆ)
ประเทศไทย ซื้อลิขสิทธิ์ รวมถึงเครื่องจักรและโรงงาน เพื่อผลิต HK 33 เพื่อป้อนให้กับกองทัพ โดย ใช้ชื่อว่า “ปืนเล็กยาวแบบ 11 “หรือ”ปลย. 11” ทหารอากาศเรียกว่า ปลยอ.5.56-3 ตามปีที่รับเข้าประจำการ พ.ศ.2511 ที่เรารู้จักกันดี โดย บริษัท West German armament manufacturer Heckler & Koch GmbH (H&K) ได้สร้างโรงงานและติดตั้งเครื่องจักร ไว้ที่ บริเวณกรมสรรพาวุธทหารบก สะพานแดงบางซื่อ มีชื่อเรียกว่า”โรงงานอาวุธ3” แต่ปีที่เราสร้างโรงงานผมเองยังไม่ทราบแน่ชัดครับ(เดี๋ยวขอไปถาม จนท.ประจำ ร.ร.สพ.ทบ ก่อนจะมาบอกครับ) มีการแจกจ่ายไปใช้งานไม่ใช้แค่ ในกองทัพบก เท่านั้นยังมีส่วนอื่นๆอีก เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมป่าไม้ กรมประมง ฯลฯ ปัจจุบัน ไม่มีการผลิตขึ้นทั้งกระบอกแล้ว(เรื่องนี้ ให้ สมช.อภิปลายกันครับผมขอนั่งดูห่างๆน่ะ) มีเพียงการผลิต ชิ้นส่วนเพื่อการซ่อมปรับปรุง ปืนที่เข้ามาซ่อมปรับปรุงตามวงรอบและงบประมาณที่ได้รับ (มันถึงยังมีหลายๆหน่วยยังไม่ได้รับเวียนของที่ซ่อมแล้วไปใช้ไงครับ) หลังจากยกเลิกการผลิตไป ก็มีความพยายามที่จะพัฒนากันมาเรื่อยๆ เช่น
ใน พ.ศ.2529 พ.ท.ธีระ เจริญเอม ผอ.กชส.ศอ.สพ.ทบ ได้เอาข้อดีของกลไก ปลย. แบบ ต่างๆ เข้ามาผสมผสานกันคือ
- ระบบขัดกลอนแบบลูกกลิ้งขัดกลอนใช้ของ ปลย.11
- ระบบปลดกลอน ใช้ระบบปลดกลอนด้วยแก๊ส ของ ปลย. AK-47 มาใช้แทนการปลดกลอนด้วยระบบ DELAY BLOW BACK ของ ปลย.11
- ระบบพานท้ายใช้ของ ปลย.เอ็ม 16 แบบสั้น
ซึ่งได้ออกแบบสาเร็จและเริ่มผลิตต้นแบบ เมื่อ 27 ก.ค.29 ใช้ชื่อว่า ปลย.11 – ตส.1แต่เมื่อในไปทดสอบในสนามกลับไม่ประสบความสำเร็จและพับโครงการไปในที่สุด
- ระบบขัดกลอนแบบลูกกลิ้งขัดกลอนใช้ของ ปลย.11
- ระบบปลดกลอน ใช้ระบบปลดกลอนด้วยแก๊ส ของ ปลย. AK-47 มาใช้แทนการปลดกลอนด้วยระบบ DELAY BLOW BACK ของ ปลย.11
- ระบบพานท้ายใช้ของ ปลย.เอ็ม 16 แบบสั้น
ซึ่งได้ออกแบบสาเร็จและเริ่มผลิตต้นแบบ เมื่อ 27 ก.ค.29 ใช้ชื่อว่า ปลย.11 – ตส.1แต่เมื่อในไปทดสอบในสนามกลับไม่ประสบความสำเร็จและพับโครงการไปในที่สุด
จากนั้นก็มีการนำมาดัดแปลง เป็นปืน Bullpup (สตช.ก็ทำของตัวเองด้วย)โดยเวอร์ชั่นแรกนำไปผสมกับ M16 และเวอร์ชั่นล่าสุดนำไปผสมกับG36 ปลย11 จะยังอยู่กับกองทัพไปไปอีกนานครับตราบเท่าที่ กองทัพบกยังไม่ รื้อโรงงานทิ้งหรือมีการให้พัฒนา ปลย.แบบของเราเอง เพราะตอนนี้เครื่องจักรและคน นั้นใช้ในการซ่อมสร้าง ปรับปรุง อาวุธแบบอื่นๆด้วย เช่น ปืนตระกูล AR,TAR 21และปืนแบบอื่นๆอีก โดยใช้เครื่องมือ จากสมัย นั้น
ส่วนการที่เราจะสามารถพัฒนาและสร้างอาวุธเองได้หรือไม่ มันอยู่ที่ วิสัยทัศน์ ของผู้นำเหล่าทัพ นั้นแหล่ะครับ เทคโนโลยีมันตามทันกันหมด
ส่วนการที่เราจะสามารถพัฒนาและสร้างอาวุธเองได้หรือไม่ มันอยู่ที่ วิสัยทัศน์ ของผู้นำเหล่าทัพ นั้นแหล่ะครับ เทคโนโลยีมันตามทันกันหมด
Cr.
https://en.wikipedia.org/wiki/Heckler_%26_Koch_HK33
http://www.heckler-koch.com/en/company/history/print.html
http://modernfirearms.net/assault/de/hk-hk33-and-hk53-e.html
https://www.pinterest.com/pin/9077636727443260/
http://warisboring.com/the-hk33-rifle-never-really-caught-…/
https://www.calguns.net/calgunforum/showthread.php?t=223988
https://pantip.com/topic/31222990
http://modernfirearms.net/machine/de/hk-21-and-23-e.html
https://pantip.com/topic/31222990
https://en.wikipedia.org/wiki/Heckler_%26_Koch_HK33
http://www.heckler-koch.com/en/company/history/print.html
http://modernfirearms.net/assault/de/hk-hk33-and-hk53-e.html
https://www.pinterest.com/pin/9077636727443260/
http://warisboring.com/the-hk33-rifle-never-really-caught-…/
https://www.calguns.net/calgunforum/showthread.php?t=223988
https://pantip.com/topic/31222990
http://modernfirearms.net/machine/de/hk-21-and-23-e.html
https://pantip.com/topic/31222990
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น