วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แฉสายลับจอร์แดนขโมยอาวุธที่ซีไอเอส่งช่วยกบฏซีเรีย


แห่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐและจอร์แดนเผยว่า อาวุธบางส่วนที่ซีไอเอต้องการส่งผ่านทางจอร์แดนไปยังกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย กลับถูกเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองบางคนของรัฐบาลอัมมานขโมยไปขายในตลาดมืด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ว่าหนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส นำเสนอรายงานเชิงสืบสวนเจาะลึกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเป็นการประสานงานร่วมกับสำนักข่าวอัล-จาซีราอ้างข้อมูลจากแห่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐและจอร์แดน ว่าอาวุธสงครามบางส่วนที่สำนักข่าวกรองกลาง ( ซีไอเอ ) และรัฐบาลซาอุดีอาระเบียต้องการส่งให้กับกลุ่มกบฏสายกลางในซีเรียนั้น กลับถูก "เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง" บางคนของรัฐบาลอัมมาน โจรกรรมไปขายในตลาดมืด

ทั้งนี้ ผลการสืบสวนแกะรอยบ่งชี้ด้วยว่า อาวุธบางส่วนกลับกลายเป็น "เครื่องมือสังหาร" เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันของบริษัทรับเหมา 2 ราย ครูฝึกชาวแอฟริกาใต้ 1 ราย และพลเมืองจอร์แดนอีก 2 ราย ภายในศูนย์ฝึกตำรวจชานกรุงอัมมาน เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่สามารถวิสามัญคนร้ายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุอย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการโจรกรรมอาวุธได้ยุติลงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังรัฐบาลวอชิงตันและริยาดออกมาแสดงความไม่พอใจผ่านสื่อ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของทางการจอร์แดนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้สามารถ "ตักตวงผลประโยชน์มหาศาล" และนำเงินทองที่ได้ไปจับจ่ายซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยมากมาย

ด้านซีไอเอ รัฐบาลซาอุดีอาระเบียและรัฐบาลจอร์แดนยังคงสงวนท่าทีต่อรายงานดังกล่าว

คลิปประกอบ : RT

เครดิต  http://www.dailynews.co.th/foreign/505257
เครดิตภาพ Reuters

วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เชลยศึกทหารกองทัพฝรั่งเศส ถูกไทยจับได้


ภาพของเชลยศึกทหารกองทัพฝรั่งเศสจำนวน 21 นาย ที่ถูกทหารไทยจับกุมตัวเป็นเชลยได้ในการรบที่สมรภูมิบ้านพร้าว ซึ่งเป็นการสู้รบกันของไทยกับฝรั่งเศส หรือี่เรียกกันว่า "สงครามอินโดจีน" ทั้งนี้ฝรั่งเศสนั้นจะเรียกกันว่า "สงครามสยาม-ฝรั่งเศส" นั่นเอง..ในภาพเป็นภาพขณะที่เชลยศึกกองทัพฝรั่งเศสซึ่งถูกนำตัวมารวมกันไว้ ณ สถานีรถไฟหัวลำโพงที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้กองกำลังฝ่ายไทย ซึ่งมีกองพันทหารราบที่ 3 ในการบังคับบัญชาของ นายพันตรี ขุนนิมมาณกลยุทธ โดยท่านสามารถนำกำลังพลเข้าบดขยี้กองกำลังฝ่ายข้าศึก ตายไปกว่า 110 นาย ได้รับบาดเจ็บไปกว่า 250 นาย ทั้งยังมีผู้สูญหายระหว่างการสู้รบกับทหารไทยด้วย ประมาณ 58 นาย เหตุเพราะไม่ชำนาญพื้นที่ โดยตัวของผู้บังคับกองพันกองทหารต่างด้าวฝรั่งเศสนั้นเองก็เสียชีวิตในสนามรบนี้ด้วย ส่วนทหารไทยหลังเคลียร์พื้นที่สู้รบมีรายงานว่าทหารไทยเสียชีวิตไป 1นาย และบาดเจ็บอีก 5 นาย.. ทั้งนี้ในการรบที่บ้านพร้าวนี้ กองกำลังฝ่ายไทยก็ยังสามารถยึดได้ทั้งรถถังของฝรั่งเศสจำนวน 5 คัน และที่สำคัญสามารถยึดธงชัยสมรภูมิติดเหรียญกล้าหาญชั้นสูงของกองพันทหารต่างด้าวฝรั่งเศสได้ในศึกครั้งนี้ได้ด้วย สร้างความอัปยศให้แก่ทัพฝรั่งเศสอย่างมากที่ได้เสียธงชัยสมรภูมิให้ไทย เพราะธงชัยสมรภูมิถือเป็นสิ่งสูงค่า และน้อยนักที่จะมีผู้ถือนำมาออกรบด้วย ..(ภายหลังสงครามไทยส่งคืนให้ฝรั่งเศส เหตุผลเพื่อความความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ)

งามนักปืน M1911สร้างจากชิ้นส่วนของอุกกาบาต



ปืน M1911 ที่จากที่ทำจากชิ้นส่วนของอุกกาบาตที่มีอายุมากกว่า 4.6 พันล้านปี ปืนพก M1911 จากนอกโลกนี้ผลิตออกมาสองกระบอก สนนราคาที่กระบอกล่ะ 4.5 ล้าน us ดอลล่า














ขอบคุณเครดิตภาพและข้อมูลจาก  
http://acidcow.com/pics/81138-an-american-company-is-selling-guns-that-were-made-from-a-meteorite-17-pics.html

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559

จิม โจนส์ ศาสดาลัทธิสุดคลั่งกับฆ่าตัวตายพร้อมกันที่มากที่สุดในโลก 914 ศพ

จิม โจนส์ ผู้ตั้งลัทธิสังคม (Peoples temple)


เหตุการณ์ฆ่าตัวตายหมู่เมื่อปี 1978 ตามบัญชาของศาสดาจิม โจนส์

โดยลัทธินี้มีชื่อว่า "Peoples temple" โดยคำว่า พีเพิลส์ เทมเปิ้ล นั้นแปลได้ว่า วิหารแห่งปวงชน ซึ่งลัทธินี้ถือว่ามนุษย์จะอยู่กันอย่างสงบสุขสันติได้ต้องมีระบอบการปกครองแบบเท่าเทียมกัน โดยที่ความเชื่อในหัวของจิมว่าสังคมอุดมสุขสุดๆนั้นคือสังคมแบบ "ยูโทเปีย (Eutopia)"


จิม โจนส์  รวบรวมเงินบริจาคจากสาวกไปซื้อที่เพื่อสร้างนิคมเป็นของตัวเอง ในทวีปแอฟริกา  ในเมือง  (Guyana)  

เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของรัฐบาลอเมริกัน เจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครองกลับรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล จึงส่งตัวแทนจากสภาคองเกรสไป "เยี่ยม" โจนส์ทาวน์

โดยในการนี้ผู้ที่ถูกเลือกไปนั้นก็คือสมาชิกสภาคองเกรสนามว่า  ลีโอ  ไรอัน  ท่านได้รับการต้อนรับแสนอบอุ่นจากคณะของจิม ซึ่งได้พาไปดูการกินอยู่ของสาวกว่ากินดีอยู่ดีเพียงใด  เมื่อท่านได้ เห็นผู้คนดูสุขสมบูรณ์กันดีก็รู้สึกคลายใจหายห่วง

แต่สิ่งที่จิมพาชมนั้นคือการจัดฉากล้วนๆ แรงงานผู้คนในนารวมนั้นทำงานกันแสนจะเหนื่อยหนัก การกินอยู่ก็ถูกจำกัดจำเขี่ย จะได้กินมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับจิม ใครฝ่าฝืนก็จะโดนลงทัณฑ์อย่างแสนจะวิปริต เพราะด้านการเมืองการปกครองของโจนส์ทาวน์นั้น ใช้กฎหมายอยู่ประการเดียวคือ "กฎแห่งข้า" จิมคือรัฐและรัฐคือจิม

กฎนี้หยุมหยิมลงไปถึงกระทั่งให้ถือศีลพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัด ห้ามผู้คนแสดงความรักต่อกันแม้จะเป็นสามีภรรยากันก็ตาม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากจิม

ดังที่มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งถูกลงโทษในข้อหาแอบ รักกันฉันชู้สาว ทั้งที่คนทั้งสองแทบจะไม่เคยรู้จักมักจี่กันเลย เรื่องของเรื่องก็คือหนุ่มน้อยเป็นคนขายอาหารอยู่ในร้าน ส่วนสาวเจ้านั้นก็มาต่อคิวซื้ออาหาร และเมื่อถึงคิวให้ของจ่ายเงินกันเสร็จ เจ้าหนุ่มก็ส่งยิ้มให้แทนคำขอบคุณ ส่วนสาวเจ้าก็กล่าวลาเบาๆ

เท่านั้นแหละเป็นเรื่อง

มีคนเห็นเข้าแล้วคาบไปฟ้องท่านพ่อเมือง ซึ่งโจนส์ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ "เชือดไก่" ให้ ลิงสาวกทั้งหลายดู จึงจัดให้มีการประชุมเมืองกันที่ จัตุรัสกลาง หนุ่มสาวทั้งสองคนจึงถูกเรียกขึ้นเวทีเพื่อประจานความผิด  โจนส์สั่งให้ทั้งสองเปลื้องผ้าจนเปลือย เปล่าต่อหน้าสาวกหลายร้อย แล้วก็พูดจาถากถางอย่างวิปริตนานาประการจนพอใจ  จากนั้นหนุ่มสาวที่น่าสงสารก็ถูกปล่อยกลับไปให้เผชิญความอับอาย และต่อไปก็จะไม่มีใครกล้าพูดคุยกับสองคนนี้อีก

เรื่องเหล่านี้ก็หาได้ไปถึงหูท่านลีโอ  ไรอัน  ไม่  เมื่อท่านเตรียมการจะกลับ ปรากฏว่ามีสานุศิษย์ของจิมหลายรายแอบมาขอให้ช่วยพาออกจากโจนส์ทาวน์ ซึ่งท่านก็ได้จัดการพาคนที่อยากกลับประเทศไปด้วยถึง 15 ราย แต่จิมพยายามขัดขวางจนถึงที่สุด โดยในวันสุดท้ายที่ท่านจะกลับ สาวกเลือดร้อนนามว่านายดอน สไลน์ ได้ลุกขึ้นมากวัดแกว่งมีดหมายจะทำร้ายท่านลีโอในระยะประชิดจนต้องมีการกันตัวกันออกไป

ขบวนของท่านลีโอเดินทางถึงสนามบินไคตูมาอย่างทุลักทุเลเต็มที แต่เมื่อนั้นก็สายไปเสียแล้ว

จิมต่อโทรศัพท์สายตรงไปถึงสมุนให้เด็ดชีพผู้แทนสหรัฐฯจอมจุ้นท่านนี้เสีย ซึ่งขณะที่ท่านกำลังจะไปขึ้นเครื่องบิน เล็กที่เห็น อยู่ตรงหน้า มือสังหารก็ เหนี่ยวไกอย่างไม่ยั้ง ท่านวุฒิสมาชิกลีโอ ไรอัน ถึงแก่อนิจกรรมทันที ผู้ติดตามอันได้แก่นักข่าวจากเอ็นบีซี และสาวกผู้ทรยศลัทธิต่างเจ็บตายกันอีกมาก

แต่นักบินบนเครื่องนั้นได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและได้กระจายข่าวเหตุการณ์ผ่านทางวิทยุการบิน โลกจึงได้รับรู้โศกนาฏกรรมที่จิมก่อขึ้น

ฝ่ายจิมหลังจากรับทราบว่าภารกิจเลือดได้สัมฤทธิผลแล้ว  ก็รู้ได้ทันทีว่าอีกไม่นานทางการก็จะต้องส่งกองกำลังมาปราบทุกอย่างให้สิ้นซาก เขาจึงตัดสินใจที่จะ "หนี"  จากโลกนี้!

เขาได้เตรียมการอย่างใหญ่โตที่สุด ซึ่งการนี้ได้เคยถูก  "ซ้อมใหญ่"  เอาไว้แล้วหลายต่อหลายครั้ง  นั่นคือการจัดให้สาวกทุกคนในนครโจนส์ทาวน์นี้ฆ่าตัวตายพร้อมกันทั้งหมด!

ในคืนมรณะนั้นโจนส์ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้สาวกทุกคน "เตรียม ตัว" ไว้สำหรับหายนะที่จะเกิดขึ้น เพราะมีผู้ที่ได้รับคำสั่งให้มาสังหารโหดชาววิหาร ประชาชนนี้เสีย โดยการ  "กระโดดร่มลง มากลางวงแล้วกราดยิงพวกเราทุกคน" นอกจากนั้นยัง "ฆ่าไม่เลือกหน้า ไม่ว่าผู้บริสุทธิ์หรือใครก็ตาม" "พวกนี้จะฆ่า ทารกและเด็กของพวกเราด้วย แล้วก็จับพวกผู้ใหญ่มาทรมานอย่างทารุณก่อนสังหารให้ตาย"

ข้อความสำคัญเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในเทปเสียงที่ค้นพบหลังจากเหตุการณ์ วิปโยค โดยทูตมรณะที่โจนส์กับคณาสาวกใช้  "ฆ่าตัวตายยกหมู่"  คือน้ำองุ่นเจือ "ไซยาไนด์ (Cyanide)" ซึ่งเป็นสารพิษชั้นแรงที่ให้ผลเร็วเฉียบพลัน

แต่อาการจากการดื่มน้ำยาพิษเข้า ไปนั้นช่างทรมานเหลือแสน จนบางคนต้องร้องขอให้เพื่อนช่วยยิงให้พ้นทุกข์ไป

ความทุกข์ทรมานน่าสังเวชเกิดขึ้นทั่วไปในโจนส์ทาวน์ ข้างฝ่ายสาธุคุณโจนส์ ก็ยังยืนประกาศปาวๆ ถึงความตายที่แสนบริสุทธิ์และไม่ทรมาน โดยชักชวนให้พ่อแม่กรอกยาพิษลูก สามีสังหารภรรยา หรือถ้าใครยังรีรอก็มีหน่วย "สงเคราะห์" จับยาพิษกรอกปากให้พ้นทุกข์ ทรมานไป โดยในเทปลับได้ยินสุ้มเสียงโจนส์ประกาศผ่านโทรโข่งดังนี้

"ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัวเลย   มันเพียงแต่เปลี่ยนเราไปสู่สถานะที่สูงส่งขึ้นเท่านั้น"

"เราไม่ได้ฆ่าตัวตาย  แต่สิ่งที่เราทำคือการ ประท้วงความไร้มนุษยธรรมแห่งโลกนี้"



ส่วนสำหรับภาพสุดท้ายของ "โจนส์นคร"  นั้นคือ  ซากศพทั้งชายหญิงกองก่าย มีทั้งหนุ่มสาวและคนแก่  กลุ่มที่น่าสะเทือนใจจะเป็นกลุ่มพ่อแม่ลูกที่กุมมือกันตาย  บ้างก็เป็นสามี ภรรยาสิ้นใจในท่าตระกองกอดกันไว้

ส่วนร่างโจนส์นั้นมีรูกระสุนปืนที่ศีรษะนอนพังพาบอยู่ใกล้ๆ "อาสนะ" ที่เคยใช้เทศน์เป็นประจำ คนที่ตายไปทั้งหมดนี้รวมทั้งจิมด้วยแล้วมีถึง 914 ศพ การตายหมู่ครั้งนี้ถูกจดบันทึกไว้เป็นสถิติวิปโยคของโลกที่มีสาวกศาสนาตายหมู่รวมกันมากที่สุด

ขอคุณเครดิต  http://www.thairath.co.th/content/117483

เวียดนามและลาว ร่วมกันค้นหาศพทหารเวียดนามกลับสู่มาตุภูมิ และคลิปสารคดีหาดูยากของทางประเทศลาวในระหว่างสงคราม



ทหารเวียดนามเหล่านี้เสียชีวิตในช่วงสงครามเพื่อเอกราชในลาว หลายหมื่นนายถูกส่งเข้าลาวอีกหลังจากนั้น และ ประจำอยู่ในประเทศนี้ต่อมาจนถึงปี 2526-2528 ยังมีอีกนับพันคน ที่ยังไม่ได้กลับสู่มาตุภูมิ. -- ภาพ: หนังสือพิมพ์กองทัพประชาชนลาว.
        
ปีนี้มีทหารเวียดนามอย่างน้อย 41 คน ได้กลับดินแดนบ้านเกิด หลังจากสงครามในประเทศนี้ยุติลงไป 40 ปี แต่ก็ยังมีอีกจำนวนนับพันๆ คนที่ยังไม่มีโอกาสได้กลับดินแห่งมาตุภูมิ และ การค้นหายังจะดำเนินต่อไป ในฤดูแล้งปี 2559-2560 นี้ ขณะเดียวกันการค้นหาศพทหารเวียดนาม ได้คืบเข้ามาในดินแดนไทย ในกรอบความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมสองประเทศ 
       
       ล่าสุดทางการนครเวียงจันทน์ กับทางการ จ.ห่าตี๋ง ของเวียดนาม ได้ร่วมกันทำพิธีทางศาสนาและ ส่งอัฐิของ "ทหารอาสา" กับ "ผู้เชี่ยวชาญ" ชาวเวียดนามจำนวน 3 ชุดกลับประเทศ ทั้งหมดเสียชวิตจากการสู้รบในดินแดนลาวเมื่อครั้งสงคราม เจ้าหน้าที่ของสองฝ่าย ขุดขึ้นมาจากแหล่งฝังศพ ในเขตรอบนอกนครเวียงจันทน์ ในกรอบความร่วมมือระหว่างสองประเทศ
       
       ทั้ง 3 ชุดเป็นหนึ่งในบรรดาอัฐิของทหารเวียดนามกว่า 20,000 คน ที่ ได้กลับจากลาว ในช่วงกว่า 20 ปีมานี้
       
       สงครามในอินโดจีนยุติลงไปเมื่อปี 2518 แต่การปฏิบัติหน้าที่ของทหารเวียดนามในดินแดนลาว ยังคงดำเนินต่อมาอีกไม่ต่ำกว่า 10 ปี ปัจจุบันเชื่อว่ายังมี "ทหารอาสา" และ "ผู้เชี่ยวชาญ" ชาวเวียดนาม ยังไม่ได้จากลาวอีกนับพันๆ คน
       
       พิธีจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พ.ค.2559 นายสีหุน สิดทิลือไซ รองเจ้าครองนครเวียงจันทน์ กับ นายดั่งก๊วกวีง (Dang Quoc Vinh) รองประธานคณะกรรมการประชาชน จ.ห่าตี๋ง (Ha Tinh) ในภาคกลางตอนบน ที่มีพรมแดนติดกับลาว มีคณะเจ้าหน้าที่ และ นักวิชาการ ทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม เป็นจำนวนมาก หนังสือพิมพ์ "กองทัพประชาชน" ของกระทรวงป้องกันประเทศลาว รายงานในสัปดาห์นี้่
       
       การปฏิบัติงานในช่วงหน้าแล้งปี 2558-2559 ที่ผ่านมา สองฝ่ายได้ลงเก็บข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งฝังศพทหารเวียดนาม ในพื้นที่จริง ในท้องที่ 59 หมู่บ้าน ใน 7 เมือง (อำเภอ) รวบรวมข้อมูลจากสถานที่จริงได้จำนวน 35 จุด และ ลงขุดค้นจริงในเขตเมืองไซทานีจำนวน 5 จุด และ พบอัฐิจำนวน 3 ชุด
       
       สองฝ่ายได้จัดพิธีวางพวงมาลาสักการะดวงวิญญาณผู้เสียชีวิต โดยมี 17 คณะเข้าร่วมในพิธี "ที่ดำเนินไปภายใต้บรรยากาศอันเคร่งขรึม และ อาลัยอาวรณ์อย่างสุดซึ้ง" และ ในเช้าวันที่ 4 พ.ค. ก็ได้จัดพิธีส่งอัฐิทหารกับผู้เชี่ยวชาญเวียดนามกลับประเทศ อย่างสมเกียรติ มีเจ้าหน้าที่ พนักงาน นักรบและขบวนของน้องน้อยเยาวชน เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง หนังสือพิมพ์ซึ่งเป็นปากเสียงของกองทัพประชาชนกล่าว
       
       ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันนี้ เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ทางการแขวงอุดมไซ กับกองบัญชาการทหารเขต 2 เวียดนาม ได้จัดพิธีส่งมอบอัฐิทหารอาสาสมัครกับผู้เชี่ยวชาญเวียดนามคล้ายกันนี้รวม 38 ชุด และส่งกลับมาตุภูมิอย่างสมเกียรติ
       
       อัฐิทั้ง 38 ชุด ได้จากการค้นหาในช่วงฤดูแล้ง 2558-2559 และ ทั้งหมดเป็นทหารกับผู้เชี่ยวชาญเวียดนาม ที่เสียชีวิตจากการสู้รบ ในสงครามเพื่อเอกราช ในพื้นที่ 6 แขวงภาคเหนือของลาว
       
       ตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน รวม 22 ปี คณะปฏิบัติงานร่วมลาว-เวียดนาม ขุดค้นหาอัฐิในบรรดาแขวงภาคเหนือ ได้ทั้งหมด 1,604 ชุด ในนั้นสามารถระบุชื่อผู้เสียชีวิตได้เพียง 103 กรณี อัฐิที่ขุดค้นได้ทั้ง 38 ชุดล่าสุด สามารถระบุชื่อ ที่อยู่และถิ่นกำเนิดได้จำนวน 11 ชุด ทั้งหมดได้ส่งกลับบ้านเกิด เพื่อให้บิดามารดา ญาติพี่น้อง ดำเนินการตามประเพณีต่อไป
       
       ทั้งหมดเป็นผลพวงจากสงครามในดินแดนลาว และ ทั่วอนุภูมิภาค ที่มีสงครามยืดเยื้อเป็นเวลานานหลายสิบปี ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20
       
       
11 เม.ย. อีก 38 คนได้กลับจากแขวงภาคเหนือของลาว พิธีส่งมอบจัดขึ้นที่แขวงอุดมไซ ทหารเวียดนามหลายหมื่นคน ถูกส่งเข้าสู้รบในดินแดนลาว ตั้งแต่ช่วงปีสงครามกับฝรั่งเศส อีกหลายหมื่นในช่วงปีสงครามกับรัฐบาลที่สหรัฐหนุนหลัง. -- ภาพ: หนังสือพิมพ์กองทัพประชาชนลาว.
       


       และในที่สุดฝ่ายเขมรแดง ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์สายจีน ก็สามารถยึดอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จในกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2518 ต่อมาวันที่ 30 เม.ย. ฝ่ายคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือและเวียดกงในภาคใต้ ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์สายโซเวียต ก็เข้ายึดกรุงไซ่ง่อนได้สำเร็จ แต่สำหรับคอมมิวนิสต์ปะเทดลาว ยังต้องทำสงครามยึดอำนาจต่อมา จนถึงต้นเดือน ธ.ค. ปีเดียวกัน
       
       ทหารเวียดนามนับหมื่นๆ คนถูกส่งเข้าไปสู้รบในดินแดนลาว มาตั้งแต่ครั้งสงครามเพื่อเอกราชจากฝรั่งเศส อีกหลายหมื่นคน ถูกส่งเข้าไปในช่วงสงครามต่อต้านสหรัฐ และ สงครามปลดปล่อยลาวจากรัฐบาลที่มีสหรัฐหนุนหลัง
       
       เชื่อกันว่าทหารเวียดนามเสียชีวิตในเขตนครเวียงจันทน์มากที่สุด ในช่วงปลายสงคราม ก่อนที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์ปะเทดลาว จะสามารถเข้ายึดอำนาจได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2518 และ ประกาศการก่อตั้งเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มาจนทุกวันนี้
       
       อย่างไรก็ตาม หลัง "การปลดปล่อย" ลาว ทหารเวียดนามอีกหลายหมื่นคน ยังคงประจำอยู่ในประเทศนี้ต่อมาอีก จนถึงปี 2527-28 ทั้งนี้เพื่อช่วยป้องกัน สปป.ลาวที่ยังอ่อนด้อย จากรุกรานของ "กลุ่มปฏิกริยาจีน" ซึ่งหมายถึงจีนแผ่นดินใหญ่ คอมมิวนิสต์ต่างอุดมการณ์ และ "กลุ่มปฏิกิริยาขวาจัด" ในวงการกุมอำนาจไทย
       
       นอกจากนั้น ทหารเวียดนามยังช่วยลาว ปราบปรามกองโจรติดอาวุธชาวเผ่าม้งของนายพลวังปาว ที่ยังหลงเหลืออยู่ ในดินแดนที่เป็นแขวงเชียงขวาง เวียงจันทน์ กับ แขวงไซสมบูนในปัจจุบัน
       
       รายงานของสื่อทางการเมื่อหลายปีที่แล้วบ่งชี้ว่า ถึงแม้ "สงครามปลดปล่อยลาว" จะสิ้นสุดมาเป็นเวลาหลายปี การสู้รบกับกองโจรชาวม้งในเขตภูเบี้ย ยังคงดำเนินต่อมา อย่างน้อยจนถึงปี 2525
       
       ไม่เพียงแต่ในดินแดนลาวเท่านั้น ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เวียดนามยังต้องค้นหาศพทหารที่เสียชวิตในดินแดนกัมพูชาอีกด้วย
       
       ตามข้อมูลของกองทัพประชาชนเวียดนาม ในช่วง 10 ปีของการสู้รบในกัมพูชา (2522-2532) มีทหารเวียดนามเสียชีวิตในดินแดนกัมพูชากว่า 50,000 คน ในนั้นกว่า 30,000 คนล้มตายด้วยมาลาเรียและโรคระบาดอื่นๆ อีกกว่า 20,000 คน เสียชีวิตจากการสู้รบ
       
       ในสัปดาห์ต้นเดือน มี.ค.2559 พล.ท.เหวียนแถ่งกุง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนาม ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการแห่งชาติ ในการค้นหาศพทหารเวียดนาม ในดินแดนประเทศเพื่อนบ้าน เดินทางเยือนไทย และเข้าเยี่ยมคำนับหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
       
       สองฝ่ายได้ตกลงร่วมมือค้นหาศพทหารเวียดนามที่เสียชีวิตตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงสงครามกลางเมือง และ ค้นหาศพทหารไทย ที่เสียชีวิตในเวียดนาม ในช่วงปีแห่งสงครามเวียดนาม
        
 
     
เครดิตข่าวจาก  http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9590000048143

คลิปสารคดีของทางประเทศลาวในระหว่างสงคราม



 tha nava tha nava