วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Sacred Band Of Thebes กองทัพสีม่วงสู้จนตัวตายไปกับคนรัก


ในยุคกรีกโบราณ มีเรื่องราวกล่าวขานถึง กองกำลังศักดิ์สิทธิ์แห่งนครธีบส์ ซึ่งความห้าวหาญของเหล่านักรบในกองกำลังนี้ ได้เป็นที่ครั่นคร้ามแก่เหล่าข้าศึกศัตรู ทว่าทหารทุกคนในกองกำลังนี้ล้วนแต่เป็นชายที่รักร่วมเพศทั้งสิ้นและบุรุษแต่ละคนต่างก็มีคู่รักของตนอยู่ร่วมทัพเดียวกับตนด้วย โดยการตั้งกองกำลังนี้ขึ้นมาอยู่บนบรรทัดฐานที่ว่า นักรบแต่ละคนจะยอมตายเพื่อคนรักที่อยู่ในกองทัพและจะไม่ยอมทิ้งคู่รักของเขาอย่างเด็ดขาดในบรรดาอารยธรรมโบราณต่างๆ อารยธรรมกรีกดูจะเป็นอารยธรรมเดียวที่ปรากฏเรื่องราวของความรักในเพศเดียวกันให้เห็นมากที่สุด โดยเฉพาะความรักระหว่างชายกับชาย ทั้งนี้ อริสโตเติล นักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงในสมัยกรีกโบราณ เคยกล่าวไว้ว่า ความรักที่บุรุษมีให้กันนั้นเป็นสิ่งที่สูงส่ง เนื่องจากในยามที่บุรุษมีความเสน่หาต่อกันนั้น พวกเขาได้หลอมรวมสติปัญญาอันสูงส่งของทั้งคู่เข้าไว้ด้วยกันด้วย

สังเกตุจากรูปปั้นบุรุษในสมัยกรีกโบราณมักมีร่างกายกำยำ
    สาเหตุสำคัญที่ชาวกรีกโบราณเชื่อว่า ความรักระหว่างชายกับชายนั้นเป็นสิ่งที่สูงส่ง ก็เนื่องด้วยว่า ในยุคกรีกโบราณนั้น ชาวกรีกให้คุณค่าของความเป็นคน สำหรับเพศหญิงและชายไม่เท่าเทียมกัน โดยชาวกรีกถือว่า สตรีนั้นต่ำต้อย ด้อยค่ากว่าบุรุษมากมายนักและความรักของชายกับหญิงมีเพียงเพื่อการสืบทอดเผ่าพันธุ์เป็นสำคัญ แต่จะไม่ถือว่าเป็นความรักอันสูงค่าเนื่องด้วยคู่รักทั้งสองไม่มีความเท่าเทียมกัน ดังนั้นหากว่าผู้ชายต้องการจะมีความรักอันสูงค่า ก็มีแต่เพียงบุรุษด้วยกันเท่านั้น ที่มีควรค่าพอที่จะทำให้เป็นความรักอันสูงค่าได้
     อย่างไรก็ตาม สำหรับนิยามความรักของชาวกรีก ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องของกามารมณ์มาเกี่ยวข้องด้วยเสมอไป หลายกรณีที่ความรักระหว่างบุรุษนั้น เกิดจากความนิยมชมชอบในสติปัญญา ความสามารถของกันละกัน เหมือนดังเช่นความรักของชายชาตินักรบที่บูชาในความกล้าหาญและเสียสละของอีกฝ่าย หรือ กล่าวให้ชัดคือ เป็นความรักที่ประกอบด้วยมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างเพื่อนนั่นเอง
    และด้วยพื้นฐานของความรักอันสูงส่งตามแบบกรีกนี่เอง ที่ทำให้นครธีบส์ได้จัดตั้งกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ขึ้น โดยทหารทุกคนในกองกำลังนี้ ต่างก็มีคู่รักของตัวเองอยู่ในกองกำลังเดียวกันด้วย พวกเขาจะใช้ชีวิตในค่ายด้วยกัน ฝึกรบด้วยกันและยามที่เข้าต่อสู้กับศัตรู ต่างคนต่างก็จะไม่ทอดทิ้งกันและด้วยสาเหตุนี้เอง ที่ทำให้กองกำลังนี้กลายเป็นกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนั้น โดยทุกครั้งที่เข้าประจัญบานกับศัตรู พวกเขาจะไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
    อวสานของกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ได้มาถึง เมื่อกองทัพมาซิโดเนียของพระเจ้าฟิลิปยกเข้ารุกรานนครธีบส์และพันธมิตรชาวกรีกอื่นๆ การประจัญบานครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่ทุ่งบีโอเชีย กองทัพพันธมิตรชาวกรีกต่อสู้กับผู้รุกรานจากแดนเหนืออย่างสุดกำลัง ทว่าไม่อาจต้านทานแสนยานุภาพและยุทธวิธีรบของทัพมาซิโดเนียได้ ทำให้ในที่สุด กองทัพพันธมิตรกรีกก็แตกพ่ายและหนีออกจากสมรภูมิ  ยกเว้นก็แต่กองกำลังศักดิ์สิทธิ์ของชาวธีบส์เท่านั้น ที่ปักหลักสู๋จนตัวตายทั้งกองทัพ
    ซากศพของพวกเขาถูกฝังรวมกันในหลุมใหญ่และมีศิลาวางทับอยู่ ส่วนที่ข้างบนหลุมศพนั้นมีรูปสลักของสิงโตที่ทำด้วยหินตั้งอยู่ ซึ่งถือเป็นการฝังศพอย่างมีเกียรติ เนื่องจากผู้ชนะชาวมาซิโดเนียรู้สึกนับถือในความกล้าหาญของนักรบแห่งนครธีบส์ นอกจากนี้ วีรกรรมของกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ ยังเป็นที่ประทับใจของเจ้าชายอเล็กซานเดอร์ ผู้ที่ในเวลาต่อมา คือ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช เป็นอย่างมากอีกด้วย

เครดิต http://www.komkid.com/new/%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B9%8C/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น